ต้อกระจก ภัยร้ายต่อดวงตาสำหรับผู้สูงอายุ
สำหรับชีวิตมนุษย์นั้นถ้าหากถามถึงอวัยวะสำคัญที่หวงแหนเป็นลำดับแรกๆ แน่นอนว่า ดวงตา ถือเป็นคำตอบที่คนส่วนใหญ่เลือกทั้งนี้ อวัยวะชิ้นนี้ มีความสำคัญมากกับการดำรงค์ชีวิตสร้างการรับรู้สิ่งต่างๆจากการมองเห็น โดยมีอัตราเฉลี่ยการรับรู้ของการดำเนินชีวิตมนุษย์มากถึง
70 – 80 เปอร์เซ็น นอกจากนี้ความปกติในการทำงานของดวงตา สามารถส่งผลต่อความสุขในชีวิตของมนุษย์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นการดูแลรักษาดวงตา ให้ห่างจากโรคภัยที่จะเกิดขึ้นจึงถือเป็นสิ่งพึงกระทำของมนุษย์อยู่เสมอ
ปัจจุบันเนื่องจากการเสื่อมโทรมของอวัยวะเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ นั้น มีอวัยวะต่างๆ ในร่างกายมากมายที่อ่อนแอลงจากการใช้งานรวมไปถึงรับผลกระทบจากปัจจัยนอกต่างๆ ที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิต จึงเป็นเหตุให้เมื่ออายุเพิ่มขึ้นแล้ว ภูมิต้านทานตลอดจนร่างกายอ่อนแอลง การสะสมของปัจจัยต่างๆ เป็นระยะเวลานานนั้นจึงเริ่มจะส่งผลกระทบให้เห็นได้อย่างชัดเจน จากโรคภัยต่างๆที่เข้ามา โรคเกี่ยวกับตานั้น ถือเป็นอีกหนึ่งโรคที่มีปัจจัยสำคัญมาจากความเสื่อมถอยของการทำงานเป็นระยะเวลานาน ตลอดจนได้รับผลจากสภาวะแวดล้อม ที่เป็นภัยสะสมต่างๆของดวงตา ทั้ง ฝุ่นควัน สารเคมีในอากาศ รวมไปถึงการจ้องมองจุดกำเนิดแสงต่างๆ อาทิเช่นหน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าจอโทรทัศน์ รวมถึงหน้าจอโทรมือถือ เป็นต้น
โรคต้อกระจก
จัดเป็นอีกหนึ่งโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุเนื่องมาจากการใช้งานและรับผลกระทบต่อดวงมาเป็นระยะเวลานาน ตลอดจนเสื่อมถอยเนื่องจากอายุเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ต้อกระจกเป็นสภาวะที่เกิดการเสื่อมถอยของเลนส์ตาหรือแก้วตาที่ใช้งานมานาน โดยจะเปลี่ยนจากเดิมที่มีลักษณะใสโปร่งแสง เริ่มกลายเป็นสีขาวเข้มทึบปิดตวงตามากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดปัญหาต่อการมองเห็น เนื่องจากจุดรับแสงทำงานได้ไม่เต็มที่ หลายเป็นสภาวะ ตาพร่ามัว ที่เกิดขึ้นจากการโดนบดบัง
สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคต้อกระจก
สำหรับโรคนี้มีปัจจัยมากมายเป็นตัวนำพาให้เกิดต้อกระจกขึ้น ถึงแม้ส่วนมากเกิน 75% จะมาจากความเสื่อมโทรมของอวัยวะเมื่ออายุมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยอื่นๆ ก็ยังมีผลเช่นกัน
– กรรมพันธุ์ เช่นเดียวกับอีกหลายๆโรคที่สามารถส่งต่อทางกรรมพันธุ์ได้
– อุบัติเหตุ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหากับดวงตา ทั้งนี้อาจเกิดภายหลังการรักษาแผลบริเวณดวงจากอุบัติเหตุเรียบร้อยแล้ว
– โรคแทรกซ้อน ต้อกระจกอาจจะเป็นโรคแทรกซ้อนที่ได้รับผลกระทบจากการเป็นโรคอื่นๆก่อนหน้า อาทิเช่น ภูมิแพ้, เบาหวาน เป็นต้น
– แสง การจ้องมองไปยังจุดที่มีแสงนานๆถือเป็นการสร้างภาระให้ดวงตาและอาจจะสะสมจนเกิดเป็นต้อกระจกได้ในภายหลัง
– การใช้ยา เนื่องจากสารเคมีในยาบางตัวอาจจะส่งผลต่อการเสื่อมถอยของจอตา และ กระตุ้นให้เกิดต้อได้โดยง่าย
– เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิดต้อภายในดวงตาได้
อาการต้อกระจก
ผู้ป่วยสามารสังเกตอาการผิดติของดวงตาจากการมองเห็นได้ดังนี้
– ตาพร่ามัว เริ่มมองอะไรไม่ชัดเหมือนก่อนโดยไม่มีสาเหตุ รู้สึกพร่ามัวเหมือนมีหมอกจางๆมาบดบัง
– ภาพและสีที่มองเห็นแปลกไป หากเริ่มรู้สึกว่ามีปัญหากับการมองเห็นที่ไม่ปกติ เช่น สีผิดเพี้ยน ของผิดตำแหน่ง ภาพซ้อนกันจำนวนของสิ่งที่เห็นมีมากกว่าหนึ่ง อาการเหล่านี้สันนิษฐานได้ว่า ตามตาเริ่มมีต้อเกิดขึ้น
– ปวดตา เมื่อต้องมองอะไรที่มีแสงนานๆ จะเริ่มรู้สึกปวดตา คลื่นไส้ ปวดศีรษะ ถือได้ว่าเกิดความผิดปกติกับดวงตา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งหากพบสิ่งผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำหรือวินิจฉัยการการของโรคที่เกิดเพื่อนำไปสู่การรักษาที่ถูกต้องทันท่วงที อันจะเป็นการรักษาดวงตาให้อยู่กับเราไปเป็นระยะเวลานาน
วิธีการรักษาต้อกระจก
ปัจจุบันโรคต้อกระจกสามารถรักษาได้ด้วยวิธีเดียวเท่านั้น คือการผ่านตัด ส่วนการรักษาด้วยวิธีอื่นๆนั่นทำได้เพียงแค่ชะลอการเกิดต้อกระจกเท่านั้น โดยจะเป็นการผ่านจัดน้ำต่อกระจกที่ขุ่นมัวออกแล้วใส่ เลนส์ตาเทียมเข้าไปทดแทน ทั้งนี่การผ่าตัด ควรได้รับการตรวจสอบและวินิจฉัยความเสี่ยงต่าง ๆ จากแพทย์โดยละเอียดก่อน อีกทั้งหลังการผ่าตัดควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างละเอียดเคร่งครัด ทั้งนี้เพื่อให้ดวงตาที่ถูกผ่าตัดสามารถพื้นฟูได้โดยเร็วรวมไปถึงการกลับมามองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ชัดเจนและสวยงามมากยิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้คือรายละเอียดเบื้องต้นสำหรับโรคต้อกระจก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ ถือได้ว่าโรคเป็นร้ายแรงต่อดวงตาอย่างมาก ทั้งนี้หากพบความผิดปกติต่ออวัยวะส่วนนี้ ควรรีบไปหาหอมเฉาะทางเพื่อให้เกิดการรักษาได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การตรวจสุขภาพตาประจำปีก็ถือเป็นอีกสิ่งที่ควรทำ ไม่เพียงแค่ผู้สูงอายุเท่านั้น แต่สุขภาพตานี้ เป็นสิ่งที่ควรรักษาดูแลให้ดีสำหรับคนทุกวัยเช่นเดียวกัน