วัคซีน pfizer ดียังไง เหตุใดคนไทยจึงเรียกร้องให้นำเข้า
กระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการนำเข้าวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชนในประเทศไทยนั้นทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากที่มีคนที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบโดสและทิ้งเวลาไปนานแล้วกลับมาตรวจเช็คภูมิคุ้มกันอีกครั้งก่อนจะพบว่าร่างกายของตนเองนั้นไม่ได้มีภูมิคุ้มกันต่อโรค covid-19 แต่อย่างใด อาจหมายความว่าในกลุ่มผู้รับวัคซีนบางคนนั้นร่างกายไม่มีการสร้างภูมิคุ้มกัน การฉีดวัคซีนกลายเป็นการสิ้นเปลืองสูญเปล่า ประกอบกับในปัจจุบันประชาชนเริ่มตระหนักถึงการนำเอาภาษีมาใช้แก้ปัญหาในประเทศ ผู้คนจึงหันมาเรียกร้องให้รัฐบาลนำเข้าวัคซีน pfizer ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลกเป็นตัวแรกๆ ที่สำคัญยังมีโรงงานผลิตในประเทศไทยเองอีกด้วย เป็นวัคซีนราคาต่ำคุณภาพสูงที่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายได้อย่างยอดเยี่ยม
วันนี้เราจึงจะมาแนะนำให้คุณได้รู้จักกับวัคซีนชนิดนี้กันมากยิ่งขึ้น ไฟเซอร์นั้นเป็นวัคซีนที่หลายประเทศเลือกให้เป็นวัคซีนหลักในการฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนในประเทศ ผลิตจากบริษัทไฟเซอร์ร่วมทุนกับบริษัทสัญชาติเยอรมันอย่างไบโอเอ็นเท็ค ชนิดวัคซีนนั้นจะเป็นการสังเคราะห์สารพันธุกรรมขึ้นมาเลียนแบบเชื้อไวรัสโคโรน่าแต่ไม่ได้มีอนุภาคของเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ตายแล้วอยู่แต่อย่างใด หลังจากฉีดเข้าไปแล้วร่างกายก็จะเกิดการกระตุ้นให้มีการสร้างโปรตีนคล้ายกับโคโรน่าไวรัส ทำให้ร่างกายเกิดการติดเชื้อแล้วภูมิคุ้มกันก็มีการป้องกันไวรัสพร้อมกับบันทึกเข้าไปในระบบ ทำให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนร่างกายจะสามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้เมื่อมีการติดเชื้อขึ้น
ประสิทธิภาพของวัคซีน pfizer นั้นสามารถป้องกันการติดเชื้อได้สูงถึง 91.3 เปอร์เซ็นต์โดยเฉพาะในช่วง 6 วันถึง 7 เดือนหลังจากฉีดเข็มที่ 2 เรียบร้อยแล้ว ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกาได้มีการกำหนดให้วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดรวมไปถึงความรุนแรงของโรคได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกานั้นได้มีการกำหนดประสิทธิภาพเอาไว้ที่ 95.3 เปอร์เซ็นต์ สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้ได้สำเร็จเป็นรายแรก ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์อังกฤษได้อีกด้วย ผู้ที่ต้องการจะฉีดจะต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อน ส่วนข้อควรระวังก็คือหากเป็นโรคความดันโลหิตสูง หอบหืด เบาหวาน ไต ตับ ปอด หรือมีการติดเชื้อเรื้อรังอาจทำให้อาการรุนแรงมากยิ่งขึ้น ผู้ที่มีปัญหาระบบภูมิคุ้มกันต้องปรึกษาแพทย์ก่อน เช่นเดียวกับผู้ที่ติดเชื้อ HIV ต้องมีการปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีด หากเคยติดเชื้อมาแล้วต้องรออย่างน้อย 6 เดือนถึงจะฉีดวัคซีนได้ สตรีตั้งครรภ์และให้นมบุตรนั้นต้องพิจารณาความเสี่ยงโดยแพทย์ผู้ดูแล แต่โดยรวมแล้วทางองค์การอนามัยโลกนั้นได้มีการออกมาประเมินความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และคุณภาพของการทำงานพบว่าวัคซีนดังกล่าวจะสามารถทำงานได้ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
