วิธีการตรวจโควิดRT-PCR คือ
ในปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด – 19 กันเพิ่มมากขึ้นกันอย่างรุนแรง ซึ่งในแต่ละจำนวนตัวเลขที่เกิดขึ้นนั้นก็มีทั้งผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ ผู้ป่วยที่ทำการรักษาตัวอยู่ ผู้ป่วยที่รักษาหายดีแล้ว และผู้ป่วยที่เสียชีวิต ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ต้องอยู่ในความดูแลของทางการแพทย์ ที่จะมีคุณหมอและพยาบาลหลายๆท่าน มาคอยดูแลและรักษาอาการเบื้องต้นกันอย่างหนักหน่วง เช่นเดียวกับการตรวจโควิด – 19 ก็ต้องมีบุคคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และรู้ถึงวิธีการตรวจสอบที่สามารถทำให้เกิดผลได้ดีที่สุด และสามารถบอกได้ว่าคุณติดเชื้อแล้วหรือยังนั่นเอง ซึ่งหลังจากที่มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นทุกๆวัน ก็ทำให้มีผู้คนจำนวนมาก ที่อยากจะทำการตรวจสภาพร่างกายของตัวเองว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ โดยได้เลือกใช้วิธีการตรวจสอบแบบ RT-PCR ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลค่อนข้างชัดเจนมากที่สุดและนิยมมากที่สุด แต่การตรวจแบบ RT-PCR จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยดีกว่า!
การตรวจแบบ RT-PCR เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทางบุคคลากรทางการแพทย์ เลือกที่จะนำมาใช้ตรวจกับบุคคลธรรมดาทั่วไป เพื่อตรวจสอบว่าบุคคลๆนั้นอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือติดเชื้อแล้วยัง? ซึ่งวิธีการนี้อาจจะมีความแตกต่างจากวิธี Rapid Test อย่างมาก โดยวิธีแบบ RT-PCR เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทราบผลได้อย่างรวดเร็วภายใน 3 – 5 ชั่วโมง หรืออย่างช้าสุดก็ 24 – 48 ชั่วโมง เป็นวิธีที่ได้ผลลัพธ์ค่อนข้างชัดเจน โดยจะใช้วิธีการตรวจสอบจากสารคัดหลั่ง ในการนำสำลีก้านยาวมาแยงเข้าที่รูจมูกและทางลำคอให้ลึกมากที่สุดแล้วนำไปตรวจสอบ ซึ่งวิธีนี้อาจจะดูว่าเจ็บ แต่ลึกๆแล้วเป็นวิธีที่สะดวกและง่ายอย่างมากจริงๆ ที่สำคัญสามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลในการวินิจฉัยต่อโรคได้ดีอีกด้วย จึงทำให้วิธีนี้เป็นวิธีที่ทางกรมอนามัยและทางบุคคลากรทางการแพทย์เลือกใช้มากที่สุดนั่นเอง
และหลังจากที่มีการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 เรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการแสดงผลลัพธ์ที่แน่ชัดและแม่นยำกว่าการตรวจสอบวิธีอื่น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้สำหรับการตรวจวิธีนี้ก็คือ หากคุณติดเชื้อโควิด – 19 จะมีการแสดงผลลัพธ์ว่า “ผลเป็นบวก พบเชื้อ COVID – 19” แต่ถ้าหากคุณไม่ติดเชื้อโควิด – 19 จะมีการแสดงผลลัพธ์ว่า “ผลเป็นลบ หากไม่พบเชื้อ COVID – 19” อีกทั้งวิธีการตรวจสอบแบบ RT-PCR ยังเป็นวิธีเดียวกันที่เคยใช้กับการตรวจสอบโรคระบาดในช่วงปี 2545 ที่ตอนนั้นกำลังเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากของโรคระบาดรุนแรงที่เรียกกันว่า “โรคซาส์” ซี่งจะนำผลลัพธ์จากการที่ใช้สำลีแยงเข้าไปที่จมูกและลำคอ พร้อมเข้าสู่ห้องตรวจปฏิบัติการ และทำการตรวจสอบทันที