วิธีดูแลตัวเองหากมีอาการ ปวดหัวข้างขวา
สำหรับหลายคนเคยประสบปัญหามี อาการ ปวดหัวข้างเดียวบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปวดหัวข้างขวา โดยอาการเกิดได้หลายสาเหตุ ส่วนลักษณะของการปวดจะแตกต่างกันออกไปเช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างไรอาการปวดทั้งหมดย่อมบ่งบอกถึงความผิดปกติในร่างกายของคุณได้ชัดเจนที่สุด อีกทั้งกำลังยืนยันว่าถึงเวลาแล้วที่คุณต้องรับมือ และหาทางแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อป้องกันโอกาสเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมาในภายหลัง ดังนั้นการทำความเข้าใจและหาวิธีรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างถูกวิธี และรวดเร็วที่สุดย่อมส่งผลดีต่อตัวคุณมากที่สุด
สาเหตุทำให้เกิด อาการ ปวดหัวข้างขวา มีหลายอย่างด้วยกัน
สำหรับอาการ ปวดหัวด้านขวา มาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ดังนั้นหากต้องการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดต้องรู้ที่มาที่ไปของอาการก่อนดังนี้
1.พฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคน มีผลต่ออาการปวดหัวด้วยเช่นเดียวกัน อาทิเช่น ความเครียด ความพยายามอดอาหาร เพื่อลดน้ำหนักหรือทำงานเพลินจนเลยเวลามื้ออาหาร รวมถึงความอ่อนเพลียและการพักผ่อนไม่เพียงพอ
2.อาจจะมีเป็นผลข้างเคียงจากโรคประจำตัวหรือโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น อาทิเช่น ภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบจากการติดเชื้อ มีอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณคอ ภาวะเส้นเลือดแดงโป่งพอง เนื้องอกทุกชนิด รวมถึงมีอาการทางประสาทส่วนต่าง ๆ ท้ายทอยและใบหน้า หรืออาจจะมีปัญหาของหลอดเลือดบริเวณขมับอักเสบ
ทั้งนี้สามารถแยกอาการปวดหัวทางด้านขวาออกได้ 4 ประเภทดังนี้
1.ปวดหัวแบบคลัสเตอร์ หรือการปวดเป็นชุดใหญ่ ๆ ซึ่งมีอาการปวดค่อนข้างรุนแรงอย่างกะทันหัน โดยคนที่มีอาการไม่ทันตั้งตัว หรือไม่มีสัญญาณใด ๆ เตือนมาก่อนล่วงหน้า โดยอาการแบบนี้มีโอกาสลากยาวเป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือนสูงมาก และมีอาการปวดแสบปวดร้อน รวมถึงตาบวม ตาแดงและน้ำตาไหล บางคนอาจจะมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลร่วมด้วยเป็นต้น
2.ปวดหัวเรื้อรัง ถือว่าเป็นอาการปวดที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก ซึ่งอาจจะใช้เวลานานกว่า 15 วัน หรืออาจจะกินเวลานานถึง 1 เดือนหรือมากกว่านั้น ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการรุนแรงมาก
3.อาจจะมีที่มาจากไมเกรน โรคฮิตที่หลายคนต้องเผชิญจากการเรียนหรือทำงาน
4.ปวดหัวจากความเครียด อาการนี้จะพบได้บ่อยมาก เพราะหลาย ๆ คนเมื่อเจอปัญหาหรือต้องอยู่ในภาวะกดดันอย่างหนัก ย่อมมีโอกาสให้เกิดปัญหาปวดหัวได้สูงมาก
สำหรับวิธีการรักษาอาการปวดหัวได้ดีที่สุดคือ
1.เมื่อมีอาการลองประคบอุ่นที่บริเวณคอด้านหลัง เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว
2.ปรับอิริยาบถให้สบายมากขึ้น
3.ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเพิ่มความผ่อนคลาย
4.พักสายตาหรืออาจจะนอนพักผ่อน เพื่อให้ร่างกายรีบูตตัวเองจากความเครียด หรือความอ่อนเพลีย
5.อย่าพยายามพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่มีสิ่งเร้าไม่ว่าจะเป็น แสง สี เสียง และกลิ่น ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการ
อย่างไรก็ตามหากทำทุกวิธีข้างต้นแล้วไม่ได้ผลลองหาดนตรีบำบัดมาฟังในระหว่างวัน เพื่อเพิ่มความผ่อนคลาย หรืออาจจะพบแพทย์เพื่อป้องกันโอกาสเกิดโรคร้ายแรงในภายหลังที่จะตามมา หรือลดโอกาสเกิดปัญหาปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง