อาการ คิ้วหรือตากระตุก
อีกหนึ่งความเชื่อที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณก็คือความเชื่อที่ว่า “อาการตาเขม่นหรือตากระตุก” เป็นลางบอกเหตุอย่างหนึ่ง เราอาจจะเคยได้ยินที่คนเฒ่าคนแก่มักจะบอกกับเราว่า “ขวาร้าย ซ้ายดี” หรือแม้กระทั่งว่า อาการตากระตุกในแต่ละช่วงเวลา ก็เป็นลางบอกเหตุในแต่ละเรื่องที่ต่างกันออกไป ซึ่งก็มีหลาย ๆ ครั้งที่ลางบอกเหตุนั้นเกิดขึ้นจริงอย่างน่าอัศจรรย์ แล้วทุกท่านอยากทราบไหมล่ะคะว่า อาการตากระตุกหรือตาเขม่นเนี่ย ในทางการแพทย์ เขามีการอธิบายไว้ว่ายังไง วันนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับ สาเหตุและวิธีการรักษาของอาการนี้กันค่ะ
อาการตากระตุกหรือหนังตากระตุก ไม่ว่าจะเกิดขึ้นข้างใดก็ตาม ทางการแพทย์ได้อธิบายว่า เกิดจากการที่กล้ามเนื้อบริเวณตาหดเกร็ง ซึ่งเกิดจากการถูกกระตุ้นที่ผิดปกติของเส้นประสาทบริเวณนั้น ซึ่งก็เกิดมาจากหลากหลายสาเหตุด้วยกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนไม่เพียงพอ การรับประทานชากาแฟซึ่งทำให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนปริมาณมากเกินไป รวมไปถึงความเครียดและความกังวล ทั้งหมดนี้สามารถทำให้เกิดตากระตุกได้ทั้งซ้ายและขวาค่ะ นอกจากอาการตากระตุกแล้ว ก็ยังพบอาการคิ้วกระตุกด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคิ้วขวากระตุก คิ้วซ้ายกระตุก ซึ่งเกิดจากการขาดแมกนีเซียมนั่นเองค่ะ
คำถามต่อมาคือ แล้วเจ้าอาการนี้มีความอันตรายมากน้อยแค่ไหนล่ะ ? อาการตากระตุกที่เราพบเจอกันในชีวิตประจำวันนั้น ส่วนใหญ่เป็นเพียงความผิดปกติในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้นค่ะ แต่หากว่าอาการตากระตุกนั้นเกิดขึ้นบ่อยและกระตุกนานเกิน 1 สัปดาห์ หรือมีอาการตากระตุกร่วมกับกล้ามเนื้อบริเวณอื่น ๆ เช่น มุมปากและแก้มกระตุกร่วมด้วย ย รวมถึงหากตากระตุกมีความรุนแรงถึงขั้นทำให้หนังตาปิด กรณีเหล่านี้แนะนำให้รีบไปปรึกษาแพทย์ค่ะ เพราะอาจจะเป็นอาการตากระตุก ที่เข้าข่ายของกลุ่มโรคได้ โดยกลุ่มแรกเรียกว่า Essential Blepharospasm ซึ่งคนไข้จะมีอาการตากระตุกเฉพาะบริเวณหนังตาเพียงอย่างเดียวและมักจะกระตุกข้างเดียวในเบื้องต้น แต่จะค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้นและเริ่มถี่ขึ้นค่ะ นอกจากนี้ยังสามารถลามไปกระตุกที่ตาอีกข้างหนึ่งได้อีกด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วโรคนี้เป็นโรคที่ไม่มีสาเหตุ ไม่อันตราย เพียงแต่อาจสร้างความรำคาญและสร้างอุปสรรคในการดำเนินชีวิตนิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะ ในส่วนของวิธีการรักษาเบื้องต้นแพทย์อาจให้ยาที่ใช้สำหรับบรรเทาอาการเคืองตาหรือน้ำตาเทียมเพื่อให้ความชุ่มชื้นกับดวงตาค่ะ อีกทั้งอาจแนะนำให้พักผ่อนเยอะ ๆ ให้เพียงพอ งดดื่มชา กาแฟ เป็นต้นค่ะ
ส่วนอีกภาวะหนึ่ง คือ Hemi facial Spasm สำหรับภาวะนี้ จะมีตากระตุกและกล้ามเนื้อของใบหน้าลาถึงลำคอซีก ซึ่งภาวะนี้อาจบ่งบอกได้ว่า มีความผิดปกติเกิดขึ้นกับเส้นประสาทคู่ที่ 7 ในสมองของคุณ ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้า ทั้งนี้การวินิจฉัยเบื้องต้นต้องอาศัยการสแกนสมองเพื่อหาความบกพร่องของเส้นประสาท เพื่อที่แพทย์จะได้หาวิธีรักษากันต่อไป
ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราควรสังเกตตัวเองเพื่อที่จะได้ทำการป้องกันและรักษาได้ทันท่วงทีค่ะ
