โรคหัดเยอรมัน
โรคหัดเยอรมัน (Rubella) เกิดจากไวรัสที่ถ่ายทอดจากคนสู่คน สามารถแพร่กระจายได้เมื่อผู้ติดเชื้อไอหรือจาม นอกจากนี้ยังสามารถแพร่กระจายโดยการสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่งในระบบทางเดินหายใจของผู้ติดเชื้อ เช่น น้ำมูก ทั้งยังสามารถถ่ายทอดจากหญิงตั้งครรภ์ไปยังลูกที่ยังไม่เกิด ผ่านทางกระแสเลือด หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหัดเยอรมัน สามารถแท้งได้ หรือทารกอาจมีข้อบกพร่องแต่กำเนิด เช่น ปัญหาหัวใจ สูญเสียการได้ยินหรือสายตา ความบกพร่องทางสติปัญญา ตับหรือม้ามเสียหาย
คนที่ติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหัดเยอรมันจะติดต่อได้เป็นเวลาหนึ่ง 1-2 สัปดาห์ ก่อนที่จะเริ่มมีผื่นขึ้นจนกระทั่งประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังจากที่ผื่นหายไป ผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อได้ก่อนที่บุคคลนั้นจะรู้ตัวว่าเป็นโรคนี้
อาการของโรคหัดเยอรมัน
อาการของโรคหัดเยอรมัน มักสังเกตได้ยาก โดยเฉพาะในเด็ก อาการแสดงมักปรากฏขึ้นระหว่าง 2-3 สัปดาห์ หลังจากได้รับเชื้อไวรัส โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ1-5 วัน อาการที่พบส่วนใหญ่ จะไข้เล็กน้อย 102 F (38.9 C) หรือต่ำกว่า ปวดศีรษะ อาการคัดจมูกหรือน้ำมูกไหล ตาแดง อักเสบ ต่อมน้ำเหลืองโตที่โคนกะโหลกศีรษะ หลังคอ และหลังใบหู ผื่นสีชมพูละเอียดที่เริ่มบนใบหน้าและลามไปที่ลำตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงค่อย ๆ เกิดขึ้น แขนและขา จะมีอาการปวดข้อโดยเฉพาะในหญิงสาว
การรักษาโรคหัดเยอรมัน
ไม่มีการรักษาเฉพาะสำหรับโรคหัดเยอรมัน สามารถบรรเทาอาการได้โดยพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะ ๆ กินยาพาราเซตามอล แก้ปวดหรือมีไข้ หากเป็นโรคหัดเยอรมันขณะตั้งครรภ์ แพทย์จะแนะนำให้คุณติดต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม