โรคโควิด 19 และอาการที่ควรทราบ
อีกหนึ่งสถานการณ์ปัญหาที่ทุกประเทศทั่วโลกต่างต้องเจอและรับมือ นั่นก็คือการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ซึ่งการแพร่ระบาดของโรคนี้ในปัจจุบัน ยังไม่อยู่ในสภาวะที่ควบคุมได้ 100% แม้จะมีการระบาดมายาวนานมากกว่าหนึ่งปีแล้ว นอกเหนือไปจากปัญหาการแพร่ระบาดแล้ว โรคโควิด -19 ยังส่งผลกระทบต่อ ปัญทางด้านอื่นๆ อีกมากมายไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเป็นเศรษฐกิจ สังคม, การเมือง, สุขภาพ, การท่องเที่ยว, การประกอบอาชีพ, การศึกษาหรือแม้กระทั่งการดำเนินชีวิตประจำวัน ทั้งหมดนี้ต่างก็ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดในครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อน และเปลี่ยนแปลงทางสังคม หลายๆอย่างเพื่อรับมือให้เข้ากับสถานการณ์ทั่วโลกในปัจจุบัน
โควิด – 19 คือโรคระบาดที่เกิดจากไวรัสที่มีชื่อเรียกว่าโคโรนา และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ SARS-CoV-2 จัดเป็นตระกูลไวรัสขนาดใหญ่ ที่โดยปกติเกิดขึ้นบนในมนุษย์และสัตว์ เป็นไวรัสตั้งต้นที่ก่อให้เกิดโรคมากมายที่เกี่ยวข้องในส่วนของระบบทางเดินหายใจ เพียงแต่ก่อนหน้าที่ไวรัสโคโรนาจะพัฒนามากลายพันธุุมาเป็นโรคโควิด – 19 นั้น โรคอื่นๆที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้า สามารถรักษาและควบคุมได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อไวรัสมีการพัฒนาขึ้นมาจนกลายเป็นโควิด – 19 ดังปัจจุบันนั้น กลายเป็นโรคอุบัติใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ส่งผลให้ยากต่อการรับมือ และมีอัตราการเสียชีวิตทั่วโลกเป็นจำนวนมาก โดยโรคนี้เริ่มแพร่ระบาดครั้งแรกเมื่อปี 2019 ต้นเดือนธันวาคม ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และจวบจนถึงปัจจุบันโรคนี้มีอัตราการแพร่กระจายไปได้อย่างรวดเร็วทั่วโลก
อาการของโรค โควิด – 19
ในช่วงแรกของการแพร่ระบาด องค์สาธารณะสุขในทุกๆ พื้นที่ต่างออกมาประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับคนทั่วไป ทั้งนี้เพื่อเป็นการตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติของร่ากายตัวเอง ในกรณีสุ่มเสี่ยง เพื่อจะได้เข้ารับการกักตัวและการรักษาได้อย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยลดอัตราการแพร่กระจายของเชื้อโรคไปสู่บุคคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบๆตัว โดยทั่วไปของโควิด อาการที่เกิดความผิดปกติ มีดังนี้
- ระยะอาการเริ่มต้นโรค โควิด – 19
– มีไข้ขึ้นสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป
– ไอแห้งถี่ขึ้น โดยไม่มีสาเหตุ
– มีน้ำมูกคล้ายไข้หวัด
– ปวดเมื่อยตามร่างกาย
– ประสาทสัมผัสทางการดมกลิ่นและรับรส หายไป
– เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก
– ทั้งนี้อาการมีอาการ ท้องเสีย อาเจียน ร่วมด้วยในบางกรณี
ในระยะนี้จะแสดงอาการที่มีความคล้ายคลึงกับไข้หวัดปกติทั่วไปค่อนข้างมา ทั้งนี้ควรตั้งข้อสังเกตุถึงความเสี่ยงของตัวเองพิจารณาร่วมด้วย หากพบว่าอาการน่าสงสัยและมีความเสี่ยงมากควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อทันที เพื่อความรวดเร็วในการรักษา
2.ระยะปรากฏอาการเต็มที่และเริ่มรุนแรงโรค โควิด – 19
– หายใจหอบถี่ และลำบากมากขึ้น
– เจ็บปวดบริเวณทรวงอก รู้สึกจุกแน่นตลอดเวลา
– ไม่มีสติ หรือเรี่ยวแรงในการพูดและทำกิจกรรมต่างๆได้
อย่างไรก็ตามไม่ควรรอให้อยู่ในระยะของโควิด อาการหนักแล้วจึงค่อยมารักษา เพราะอาจจะไม่ทันเวลาได้ ทั้งนี้หากอาการทรุดจนถึงระดับเหล่านี้แล้ว ควรเก็บตัวในห้องและรอเรียกรถพยาบาลมารับที่บ้าน ไม่ควรเดินทางไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง
- อาการระยะเชื้อลงปอดโรค โควิด – 19
– อาการต่างๆ ในสองระยะแรกจะทวีความรุนแรงมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น มีไข้ ไอ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก และอาจจะมีอาการท้องเสียร่วมด้วยเช่นกัน
– เกิดสภาวะร้ายแรงขึ้นกับปลอดเช่น ปอดบวม, น้ำท่วมปอดและปอดอักเสบ ซึ่งส่งผลระบบการหายใจโดยตรง รวมไปถึงระดับออกซิเจนในเลือดก็จะค่อยๆลดลงไปและอาจจะไม่สามารถออกแรงในการพูดหรือประคองสติเอาไว้ได้ในระยะนี้
-สภาวะเลือดเป็นพิษ ไตวาย ส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะอื่นๆในร่างกาย อาการสะสมหลายวันเข้าก็ยากที่จะรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้ ส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตลงตามที่เห็นปรากฏตามสื่อต่างๆ นั่นเอง
ทั้งหมดนี้คือระนะของโรคโควิด อาการที่เป็นจะหนักขึ้นในทุกๆระยะ ทั้งนี้หากสงสัยในอาการของตนเองควรที่จะเข้าไปตรวจหาเชื้อเพื่อความสบายของตัวเองและคนรอบข้าง อีกทั้งหากติดเชื้อแล้วได้รับการรักษาทันท่วงที ก็จะมีโอกาสมากที่จะหายเป็นปกติและเชื้อไม่ลงปอด แต่อย่างไรก็ดี การป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด ทั้งนี้ ควรลดการเดินทางไปมนพื้นที่เสี่ยง เลี่ยงการอยู่เป็นหมู่คณะในพื้นที่ผิด สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกบ้าน และหมั่นล้างมือให้สะอาดก็จะเป็นการช่วยป้องกันตัวไม่ให้เชื้อโควิดมีช่องทางเข้ามาสู่ร่างกาย สามารถใช้ชีวิตในช่วงของการแพร่ระบาดได้อย่างปลอดภัย